Welcome Guest! To enable all features please try to register or login.
Post Reply

thanitanitan Offline
Posted : Sunday, June 30, 2019 6:41:08 PM(UTC)
Quote
Thanitan

Rank: Newbie

Posts: 16

โรคไบโพลาร์ หรือไบโพล่า (Bipolar Disorder) คือ โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้วที่ทำให้มีอารมณ์ซึมเศร้าในช่วงหนึ่ง และก็มีร่าเริงแจ่มใสไม่ปกติในอีกช่วงหนึ่งสลับกันไป โรคนี้ถือเป็นความผิดปกติทางอารมณ์ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดอย่างถูกวิธี
ผู้ป่วยที่เป็นโรคไบโพลาร์จะมีลักษณะอารมณ์เปลี่ยนไปมาอย่างชัดเจน ระหว่างอารมณ์ซึมเศร้า (Major depressive episode) สลับกับตอนอารมณ์ดีมากเกินธรรมดา (Mania หรือ Hypomania) โดยอาการในแต่ละครั้งอาจเป็นอยู่นานหลายสัปดาห์หรือยาวนานหลายเดือนก็ได้ อาการของโรคจะทำให้เกิดผลกระทบต่อผู้ป่วยทั้งยังในด้านการงาน การเลี้ยงชีพ ความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ และการดูแลตัวเองเป็นอย่างมาก ทำให้ไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตทุกวันได้อย่างเป็นปกติ

สิ่งที่ทำให้เกิดโรคไบโพลาร์
ตอนนี้เชื่อว่าสาเหตุของความไม่ปกติทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นอยู่กับผู้ป่วยไบโพลาร์นั้นมีได้หลายกรณี ดังต่อไปนี้

ปัจจัยทางชีวภาพ ยกตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาทในสมอง การเปลี่ยนแปลงของระบบฮอร์โมนต่างๆภายในร่างกาย การเปลี่ยนแปลงทางการนอน แล้วก็ความผิดปกติของการทำงานของสมองในส่วนต่างๆที่เกี่ยวกับการควบคุมอารมณ์
ต้นเหตุทางด้านสังคมและก็สภาพแวดล้อม เช่น การไม่สามารถปรับพฤติกรรมเพื่อจัดการกับความเครียดหรือปัญหาต่างๆในชีวิตได้ การเผชิญความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิตหรือสถานการณ์ร้ายแรง รวมทั้งการใช้สารเสพติดและก็แอลกอฮอล์ สามารถทำให้มีการเกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยทางสังคมไม่ใช่ปัจจัยโดยตรงของโรคไบโพลาร์ แต่ว่าอาจเป็นตัวกระตุ้นให้โรคแสดงอาการได้เพียงแค่นั้น
ต้นเหตุทางพันธุกรรม ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่รับรองว่าโรคไบโพลาร์สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ แม้กระนั้นจากการวิจัยพบว่า โรคนี้พบมากในครอบครัวที่เคยมีผู้ป่วยเป็นไบโพลาร์มาก่อน
สาเหตุโรคทางกาย อาจจะทำให้กำเนิดโรคไบโพลาร์ได้ เช่น โรคลมชัก โรคเส้นเลือดสมอง โรคไมเกรน หรือเนื้องอกในสมอง การบาดเจ็บที่ศีรษะ โรคติดเชื้อ รวมทั้ง ยาบางจำพวก

อาการของโรคไบโพลาร์
โรคไบโพลาร์จะส่งผลให้คุณมีอารมณ์เปลี่ยนไปๆมาๆอย่างคาดการณ์มิได้ โดยมีลักษณะอาการของภาวการณ์ซึมเศร้าแล้วก็ภาวะอารมณ์ดีไม่ปกติสลับกันไป

อาการในช่วงอารมณ์ซึมเศร้า (Depressive episode)
ผู้ป่วยอาจมีอาการดังนี้อย่างต่ำ 5 ข้อ โดยเป็นเกือบจะตลอดเวลา แล้วก็เป็นต่อเนื่องกันอย่างต่ำ 2 อาทิตย์

มีอารมณ์ซึมเศร้า เบื่อห่อเหี่ยว หรือในเด็กและวัยรุ่นอาจดูอย่างกับว่ามีอารมณ์รำคาญ
มีความสนใจหรือความเพลินใจสำหรับในการทำกิจกรรมต่างๆลดลงอย่างเห็นได้ชัด อะไรที่เคยมักจะทำก็ไม่ต้องการทำอีกต่อไป มีแรงจูงใจสำหรับในการทำสิ่งต่างๆลดน้อยลง
รู้สึกเบื่อข้าวหรือเจริญอาหารมาก น้ำหนักลดน้อยลงหรือมากขึ้นมากกว่าจำนวนร้อยละ 5 ต่อเดือน
นอนไม่หลับ อาจมีอาการนอนยาก นอนแล้วตื่นเร็วกว่าปกติ หรือนอนๆตื่นๆทำให้ไม่สดชื่นหลังตื่นนอน บางรายอาจมีอาการนอนหลับมากมายไป อยากนอนทั้งวัน หลับช่วงกลางวันเพิ่มมากขึ้น
วุ่นวายใจ วุ่นวาย หรือทำอะไรชักช้าลง
อ่อนแรง รู้สึกเหนื่อย ไม่อยากทำอะไร
รู้สึกตนเองไร้ค่า บางรายอาจรู้สึกหมดกำลังใจ มองดูสิ่งรอบๆตัวในด้านลบไปหมด รวมถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึงด้วย
สมาธิแล้วก็ความจำแย่ลง
คิดเรื่องการตาย อยากตาย พยายามฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตนเอง
อาการในช่วงที่อารมณ์ดีหรือคึกคักมากยิ่งกว่าปกติ (Mania หรือ Hypomania)
อารมณ์เปลี่ยนแปลง อาจมีอารมณ์คึกคัก เป็นสุข เบิกบานใจ หรืออารมณ์เสียง่ายก็ได้ โดยเป็นต่อเนื่องกันทุกวันขั้นต่ำ 1 สัปดาห์ ซึ่งญาติที่ใกล้ชิดผู้ป่วยชอบสังเกตได้ว่าอารมณ์ของผู้ป่วยเปลี่ยนไปจากเดิมกระทั่งไม่ปกติ

ในตอนที่มีอารมณ์แปรปรวนนี้ พบว่ามีลักษณะดังนี้ ขั้นต่ำ 3-4 อาการ อยู่ตลอด ยกตัวอย่างเช่น

มีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น เชื่อถือว่าตัวเองเยอะเกินไป หรือถึงขั้นมีความรู้สึกว่าตัวเองสำคัญหรือยิ่งใหญ่ เช่น มั่นใจว่าตนเองมีอำนาจมากหรือมีพลังพิเศษ ฯลฯ
การนอนผิดปกติไป ผู้ป่วยจะมีความต้องการในการนอนลดน้อยลง ดังเช่นว่า บางทีอาจมีความคิดว่านอนเพียงแค่ 3 ชั่วโมงก็พอเพียงแล้ว เป็นต้น
คิดเร็ว ครั้งคราวคิดหลายๆเรื่องพร้อมๆกัน คิดเรื่องหนึ่งไม่ทันจบก็คิดเรื่องอื่นทันที บางโอกาสอาจแสดงออกมาในรูปของการมีโครงการต่างๆเยอะแยะ
พูดเร็วขึ้น เนื่องจากความนึกคิดของผู้ป่วยแล่นเร็ว ก็เลยส่งผลต่อคำพูดที่ออกมาด้วย ผู้ป่วยชอบพูดเร็วและขัดจังหวะได้ยาก ยิ่งถ้าอาการรุนแรงจะพูดดังรวมทั้งเร็วขึ้นอย่างมากจนถึงบางครั้งฟังเข้าใจยาก
วอกแวกง่าย ไม่ค่อยมีสมาธิอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน มักมีความสนใจเปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งกระตุ้นภายนอกที่เข้ามากระตุ้นได้ง่าย
มีการเคลื่อนไหวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่สามารถอยู่นิ่งๆได้ จะต้องทำกิจกรรมต่างๆตลอดเวลา ในขณะที่ทำงาน ที่โรงเรียน หรือที่บ้าน
ยับยั้งชั่งใจไม่ได้ โดยจะแสดงกริยาที่เกิดขึ้นมาจากการขาดการหักห้ามใจ อาทิเช่น ดื่มสุราเพิ่มขึ้น โทรศัพท์ทางไกลเป็นระยะเวลาที่ยาวนานๆเล่นพนัน หรือเสี่ยงโชคกระทั่งเกินตัว ใช้เงินมากขึ้น เป็นต้น
พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปพวกนี้จะถือว่าเป็นอาการมาเนีย (Mania) ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด และมีอาการรุนแรงจนกระทั่งกระทบต่อกิจวัตรประจำวัน หรือจึงควรนอนโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าระวังการกระทำที่เป็นอันตรายต่อตัวเองและก็คนอื่น และอาการที่เกิดขึ้นจำต้องมิได้มาจากการใช้แอลกอฮอล์ สิ่งเสพติด ยารักษาโรคที่ใช้เป็นประจำ แล้วก็ภาวะไม่สบายอื่นๆ

ส่วนอาการไฮโปมาเนีย (Hypomania) นั้นจะมีอาการดังกล่าวมาแล้วข้างต้นคล้ายกับมาเนีย แต่ว่าจะไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อการใช้ชีวิตประจำวันมากเท่าไรนัก รวมทั้งมีลักษณะในระยะที่สั้นกว่า โดยเกิดขึ้นนานอย่างน้อย 4 วัน

อาการอื่นๆของโรคไบโพลาร์ที่เจอได้

วิตกกังวล
มีอาการซึมเศร้าและแบบอารมณ์ดีผสมกัน (Mixed episodes) โดยอาจมีทั้งอาการมาเนียหรือมาเนียอย่างอ่อน รวมทั้งสภาวะซึมเศร้าพร้อมเพียงกัน
มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนไป (Catatonia) อาจแสดงท่าทางทางร่างกายในท่าที่ผิดแปลกไปจากปกติ
อาการด้านจิต พบบ่อยอาการจิตหลอน (Hallucinations) และก็อาจมีอาการหลงผิด (Delusions) ร่วมด้วย ทำให้มีความคิดความเชื่อไม่ตรงกับโลกความจริง แล้วก็กำเนิดความฝังใจหรือความคิดแบบไม่ถูกๆขึ้น
อาการโรคไบโพลาร์ในเด็กและก็วัยรุ่น
ถึงแม้โรคไบโพลาร์ในเด็กและก็วัยรุ่นจะแสดงอาการเหมือนกับผู้ใหญ่ แต่อาการในเด็กรวมทั้งวัยรุ่นอาจมีความท้าทายในการวินิจฉัยมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเหตุว่าเด็กและก็วัยรุ่นยังไม่อาจจะแยกอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงจากความเครียดหรือสถานการณ์รุนแรงได้ชัดเจน จึงทำให้เด็กที่เป็นโรคไบโพลาร์มักได้รับการวินิจฉัยไม่ถูก ถ้าเกิดพบว่าลูกหลานของคุณแสดงอารมณ์แปรปรวนรุนแรง หรือผิดปกติไปจากเดิม ให้ลองขอคำแนะนำแพทย์หรือกุมารแพทย์

ขณะใดถึงควรจะไปพบหมอ?
ผู้ป่วยโรคไบโพลาร์นั้นมักไม่รู้ตัวถึงอาการไม่ปกติที่เกิดขึ้น แม้ว่าอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของตนจะรุนแรงถึงขนาดส่งผลต่อการใช้ชีวิตแล้วก็ความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้าง ดังนั้น แม้ตัวคุณเองหรือคนสนิท มองเห็นอาการดังที่กล่าวมาข้างต้น ควรปรึกษาหมอหรือพาผู้ป่วยไปพบหมอโดยทันที เพราะถ้าปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาการของโรคไบโพลาร์บางทีอาจร้ายแรงมากขึ้น หรืออย่างที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นโรคไบโพลาร์ระยะท้ายที่สุด ซึ่งอาจทำให้มีพฤติกรรมใช้สิ่งเสพติดแล้วก็แอลกอฮอล์ มีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างรุนแรง ไม่สามารถเรียนหรือทำงานได้ตามปกติ มีความคิดอยากฆ่าตัวตายหรือพยายามรังควานตนเอง บางรายก็พัฒนาไปเป็นโรคจิตเภท ซึ่งจะมีลักษณะอาการมองเห็นภาพหลอน เห็นหรือได้ยินในสิ่งที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง รู้สึกว่าบุคคลอื่นจะมาทำร้ายตัวเอง แล้วก็นำไปสู่ความไม่ไว้ใจหรือต้องการรังแกคนอื่นๆเพื่อโต้กลับได้

ขอบคุณบทความจาก https://www.honestdocs.co/understanding-bipolar

Tags : ไบโพลาร์, ตั้งครรภ์, ครอบครัว
Quick Reply Show Quick Reply
Users browsing this topic
Post Reply
Forum Jump  
You can post new topics in this forum.
You can reply to topics in this forum.
You cannot delete your posts in this forum.
You cannot edit your posts in this forum.
You cannot create polls in this forum.
You cannot vote in polls in this forum.

Powered by YAF | YAF © 2003-2024, Yet Another Forum.NET
This page was generated in 0.290 seconds.
ประกาศตามแนวรถไฟฟ้า
BTS รถไฟฟ้า BTS
MRT รถไฟฟ้า MRT

อสังหาฯใกล้รถไฟฟ้าล่าสุด

ประกาศยอดฮิต