ไซบีเรียน ฮัสกี (Siberian Husky) เป็นสุนัขขนาดกลางที่มีถิ่นเกิดในแถบไซบีเรีย หมาพันธุ์นี้มีนิสัยเฉลี่ยวฉลาด แสนซน รวมทั้งมีพลังเหลือล้น สามารถวิ่งในระยะทางหลายไมล์และก็วิ่งลากของหนักๆได้ด้วย ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ไซบีเรียน ฮัสกีเป็นสุนัขที่นิยมนำมาช่วยลากเลื่อน
ลักษณะทั่วไปของไซบีเรียนฮัสกีโดยส่วนมากไซบีเรียน ฮัสกีโตเต็มวัยจะมีความสูงราวๆ 20 - 23.5 นิ้ว น้ำหนักโดยประมาณ 17 - 28 กก. จัดอยู่ในกลุ่มสุนัขขนาดกลาง โดยเพศผู้จะมีขนาดตัวแล้วก็น้ำหนักมากกว่าเพศเมีย ลักษณะตัวยาวแล้วก็มีขนาดพอเหมาะพอควร และมีความอึด มีพลัง รวมทั้งรวดเร็ว
นอกนั้นยังมีฝีเท้าเบารวมทั้งมีลักษณะท่าทางการวิ่งที่ไหลลื่น ส่งผลให้วิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ หมาสายพันธุ์นี้มีขนสองชั้นซึ่งมีความยาวปานกลาง ขนชั้นนอกมีลักษณะเรียบตรง ส่วนขนชั้นในนั้นนิ่มและหนาแน่น เพื่อกันความหนาว
ไซบีเรียน ฮัสกี มีหลากสี โดยส่วนมากเป็นสีดำ สีขาวแล้วก็สีน้ำตาล หรืออาจเป็นสีผสม เช่นสีน้ำตาลกับขาว สีเทากับสีขาว และก็สีดำเทา
ลักษณะนิสัยส่วนตัวของไซบีเรียนฮัสกีไซบีเรียน ฮัสกี เป็นสุนัขที่ตื่นตัวตลอดเวลาฉลาด รักอิสระ ซน รักสนุก ชอบเข้าสังคม แสนรู้ ต้องการใส่ใจรวมทั้งการดูแลอย่างยิ่ง ที่สำคัญชอบการวิ่ง ซึ่งนับเป็นความสามารถที่โดดเด่นที่สุดของหมาสายพันธุ์นี้ โดยสามารถวิ่งต่อเนื่องได้นานนับชั่วโมง แม้ว่าโดยส่วนใหญ่ไซบีเรียน ฮัสกี จะเป็นมิตร แต่ก็อาจดุร้ายต่อสุนัขที่ไม่คุ้นเคย นอกจากนี้บางตัวอาจมีนิสัยชอบขุด กัดสิ่งของต่างๆรวมทั้งหอนในบางครั้ง
การดูแลไซบีเรียนฮัสกีไซบีเรียน ฮัสกี ต้องการบริหารร่างกายเสมอๆ และจำเป็นต้องแปรงขนสัปดาห์ละครั้ง และก็จำเป็นต้องแปรงขนบ่อยๆในช่วงที่มีการผลัดขน ชอบอากาศหนาวเย็น แต่แม้ว่าสุนัขสายพันธุ์นี้จะสามารถอาศัยอยู่นอกบ้านกลางอากาศที่หนาวเย็นได้ แต่ว่าสิ่งที่ดีเยี่ยมที่สุดก็คือการให้ใช้เวลาอยู่ทั้งข้างในบ้านรวมทั้งนอกบ้านเท่าๆกัน
สุขภาพของไซบีเรียนฮัสกีไซบีเรียนฮัสกีอายุเฉลี่ยโดยประมาณ 11-13 ปี โรคที่มักเกิดกับสุนัขสายพันธุ์นี้ อย่างเช่น โรคจอประสาทตาอักเสบไฮโปไทรอยด์ ต้อกระจก รวมทั้งกระจกตาเสื่อม เพราะฉะนั้น เมื่อพาไปหาสัตวแพทย์ สัตวแพทย์อาจมีการตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์ แล้วก็ตรวจตาเพื่อวิเคราะห์ว่าเป็นโรคเหล่านี้หรือเปล่า
ประวัติของไซบีเรียนฮัสกีชาวจุกชี (Chukchi) ซึ่งเป็นคนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไซบีเรีย เป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์หมาไซบีเรียนฮัสกีขึ้นมา เพื่อช่วยดูแลฝูงกวางเรนเดียร์และใช้สำหรับเพื่อการลากเลื่อนหิมะ แต่ต้นเกิดของสายพันธุ์นี้ก็ยังคงเป็นคำถาม ซึ่งคาดว่าไซบีเรียน ฮัสกี้น่าจะมีส่วนผสมของสุนัขหลายๆสายพันธุ์รวมกัน ชาวจุกชีจำต้องใช้เวลาหลายร้อยปีกว่าจะสามารถฝึกหัดให้สุนัขสายพันธุ์นี้เป็นสุนัขลากเลื่อนได้
ปี ค.ศ. 1909 เป็นปีแรกที่ชาวชุกชีได้นำหมาสายพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกีมาลงแข่งขันลากเลื่อน ซึ่งในอดีตการแข่งขันหมาถือว่าเป็นสิ่งยอดนิยมมากมาย ในการแข่งขันคราวหนึ่ง หมาจำเป็นที่จะต้องวิ่งเป็นระยะทาง400 ไมล์ จากเมืองโนม (Nome) ไปถึงเมืองแคนเดิล (Candle) ในเมืองอลาสกา ซึ่งเป็นทางที่เดินทางได้ทุกข์ยาก ด้วยความสามารถสำหรับในการวิ่งและการลากเลื่อน ทำให้ไซบีเรียน ฮัสกีกลายมาเป็นสุนัขสายพันธุ์ต้นๆที่นิยมในการแข่งสุนัขในเวลาต่อมา
ดังนั้นในปีค.ศ. 1910 ชาร์ล ฟ็อกซ์ เมาเล แรมเซย์ (Charles Fox Maule Ramsay) ชายชาวสกอตแลนด์ ได้เล็งเห็นลักษณะแล้วก็ความรู้ความเข้าใจของสุนัขสายพันธุ์นี้ จึงแนะนำให้ จอห์น ไอรอนแมน จอห์นสัน (John “Iron Man” Johnson) ผู้บังคับสุนัขลากเลื่อนใช้หมาไซบีเรียนฮัสกีลงแข่งขันลากเลื่อนในปีนั้น ส่งผลให้เอาชนะทีมคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายๆและทีมของแรมเซย์ทีมอื่นๆที่ใช้ไซบีเรียนฮัสกีเป็นหมาลากเลื่อน ก็ยังเข้าเส้นชัยเป็นที่ 2 แล้วก็ที่ 4 สำหรับในการชิงชัยครั้งนั้นด้วย ในทศวรรษถัดมา หมาพันธุ์นี้ได้ถูกชมเชยให้เป็นสายพันธุ์ที่ทรงเกียรติสำหรับการชิงชัยลากเลื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความทรหดอดทนสำหรับการชิงชัย
ในปี ค.ศ. 1925 เมืองโนม เมืองอลาสกาได้กำเนิดโรคระบาดจากพิษขึ้น ทำให้มีความต้องการยาต้านทานพิษอย่างเร่งด่วน จึงมีการจัดคนบังคับเลื่อน 20 คน รวมทั้งสุนัขลากเลื่อน 150 ตัว เพื่อขนส่งยาต้านพิษเป็นระยะทาง 674 ไมล์ข้ามเมืองอลาสกา ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียงแต่ 5 วันครึ่งเท่านั้น ถือเป็นการเดินทางที่ใช้เวลาน้อยสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้สามารถช่วยผู้คนในเมืองโนมรวมทั้งชุมชนรอบๆได้ เรื่องราวนี้มีชื่อเรียกว่า Great race of mercy หลังจากเรื่องนี้ คนบังคับเลื่อนและสุนัขลากเลื่อนทั้งคณะ เป็นกรุ๊ปที่โด่งดังไปทั่วประเทศอเมริกา แล้วก็บัลโต (Balto) สุนัขไซบีเรียนฮัสกีหัวหน้าฝูงหมาลากเคลื่อนที่ได้วิ่งนำเพื่อนๆสำหรับเพื่อการวิ่งหนสุดท้าย เพื่อส่งเซรั่มไปยังเมืองโนม ก็ได้รับความโด่งดังอย่างยิ่งจนกระทั่งมีการสร้างรูปปั้นไว้เป็นของที่ระลึกในเซนทรัลปาร์ค (Central park) ที่นิวยอร์ค
10 เดือน ภายหลังที่บัลโตได้วิ่งไปถึงเมืองโนม ความนิยมในไซบีเรียนฮัสกี ก็เริ่มแพร่ไปที่ประเทศแคนาดา และในปี ค.ศ. 1930 อเมริกัน เคนเน็ล คลับ(American Kennel club) สมาคมหมาแห่งอเมริกา ได้เริ่มทำความรู้จักหมาไซบีเรียน ฮัสกีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีการนำสุนัขไซบีเรียนฮัสกีหลายตัวไปฝึกฝนเป็นทีมช่วยเหลือแล้วก็ทีมค้นหาของทหารรัฐอลาสกาในอเมริกาในตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย
Tags : ไซบีเรียนฮัสกี